TH
TH EN
x

มะเร็งเต้านม เรื่องน่ารู้ของสาวไทย


ในปัจจุบันหากนับเฉพาะมะเร็งในผู้หญิง มะเร็งเต้านมถือเป็นความเสี่ยงเป็นอันดับ 1 โดยในแต่ละปีจะพบผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นประมาณ 20,000 คนต่อปี หรือประมาณ 55 คนต่อวัน และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี ถึงแม้อัตราการเสียชีวิตในประเทศไทยจะต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ แต่หากไม่สามารถตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกอาจจะส่งผลร้ายสูงสุดถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นเดียวกัน 

จากสถิติของสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบว่าผู้หญิงเป็นมะเร็งเต้านมร้อยละ 37 ของมะเร็งทั้งหมด และยังมีอัตราการเสียชีวิตเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งปอด ดังนั้นเราอยากให้ผู้หญิงไทยได้รู้จักกับมะเร็งเต้านมให้มากขึ้น เพื่อที่จะสามารถลดอัตราผู้ป่วยและอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเต้านมนี้ได้

ที่มาข้อมูล wattanosothcancerhospital.com, phyathai.com, navavej.com, samitivejhospitals.com, petcharavejhospital.com


มะเร็งเต้านมกับปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งเต้านมมีทั้งแบบที่สามารถควบคุมได้ และไม่สามารถควบคุมได้

1.ปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ ได้แก่ การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ การเลือกบริโภคอาหาร การทานยาคุมหรือยาจำพวกปรับฮอร์โมนต่างๆ การไม่ออกกำลังกาย หรือผู้ที่มีภาวะอ้วน

2.ปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ยกตัวอย่างเช่น

-ประจำเดือนก่อนอายุ 12 ปี และ ประจำเดือนหมดหลังอายุ 55 ปี

-ผู้ที่ไม่มีบุตร

-คลอดลูกคนแรกช่วงอายุมาก

-เคยเป็นมะเร็งเต้านมหรือเนื้องอกที่เต้านม

-มีประวัติญาติสายตรง (แม่ พี่ น้อง) เป็นมะเร็งเต้านม

-มีการให้รังสีรักษาที่เต้านมหรือทรวงอก

-ทำแมมโมแกรมแล้วพบความผิดปกติ


สัญญาณเตือนมะเร็งเต้านม

ผู้หญิงหลายคนอาจจะกังวลว่าตัวเองมีแนวโน้มหรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมหรือไม่ แต่จริงๆ แล้วคุณผู้หญิงสามารถสังเกตตัวเองหรือสัญญาณเตือนต่างๆ ก่อนที่จะมะเร็งเต้านมจะลุกลามได้ โดยมีสัญญาณเตือนดังต่อไปนี้

  • คลำพบก้อนเนื้อบริเวณเต้านม หรือใต้รักแร้ - ก้อนเนื้อที่พบอาจจะกดเจ็บ หรือไม่เจ็บก็ได้ แนะนำให้ผู้หญิงทุกคนมีการตรวจเต้านมด้วยตนเองทุกเดือนหลังรอบเดือนหมด ประมาณ 1 สัปดาห์

  • ขนาดหรือรูปร่างของเต้านมเปลี่ยนไป - ปกติแล้วเต้านมทั้ง 2 ข้างอาจมีรูปร่างและขนาดที่ไม่เท่ากันบ้าง แต่การหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของเต้านมข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างว่ามีลักษณะผิดปกติไปจากเดิม จะช่วยให้รู้เท่าทันโรคร้ายตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

  • ผิวหนังที่เต้านมเกิดการบุ๋มลงไป - ผิวหนังบริเวณที่บุ๋มลงไปอาจมีลักษณะคล้ายลักยิ้ม หรือมีลักษณะบวมหนาเหมือนเปลือกส้ม และควรรีบไปพบแพทย์หากสีหรือผิวหนังบริเวณลานหัวนมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เนื่องจากอาจเป็นอาการของเซลล์มะเร็งที่ลุกลามมาถึงชั้นเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง

  • มีน้ำเหลืองหรือของเหลวไหลออกมาจากหัวนม - โดยเฉพาะหากพบว่าน้ำเหลืองหรือของเหลวที่ไหลออกมาจากหัวนมนั้น มีสีคล้ายเลือด และออกจากหัวนมเพียงรูเดียว ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเต้านมโดยละเอียด 

  • อาการเจ็บผิดปกติที่เต้านมหรือผิวหนังของเต้านมอักเสบ - หากมีอาการเจ็บเต้านมโดยที่ไม่ใช่ช่วงมีประจำเดือน หรือพบว่าผิวหนังรอบๆ เต้านมบวมแดงอักเสบ โดยเฉพาะเมื่อคลำพบก้อนเนื้อร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจเต้านมโดยละเอียดในทันที

  • มีผื่นคันบริเวณเต้านม รักษาแล้วไม่หายขาด - ผื่นคันอาจเกิดขึ้นที่หัวนมหรือบริเวณเต้านมส่วนใหญ่ เริ่มต้นอาจเป็นเพียงผื่นแดงทั่วไป หากทำการรักษาโดยแพทย์ผิวหนังแล้วยังไม่หายขาดจนกลายเป็นแผลตกสะเก็ดแข็ง ควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยมะเร็งเต้านมอีกครั้ง เนื่องจากอาจเกิดจากการที่เซลล์มะเร็งลามขึ้นมาที่ผิวหนังด้านบนบริเวณหัวนมหรือเต้านมแล้ว


การตรวจมะเร็งเต้านม

นอกจากการตรวจสัญญาณเตือนมะเร็งเต้านมด้วยตนเองแล้ว คุณผู้หญิงสามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเองได้ด้วยวิธีการตรวจที่แม่นยำ 4 วิธีดังต่อไปนี้

  • การตรวจแมมโมแกรม
    จะเป็นการตรวจทางรังสีชนิดพิเศษที่คล้ายการตรวจเอกซเรย์ ใช้ตรวจหาก้อนขนาดเล็ก หินปูน การดึงรั้งของเต้านม สามารถเริ่มทำได้ที่อายุ 35-40 ปี ในรายที่ไม่มีอาการ และสามารถตรวจได้ทุกปีเมื่ออายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป 
  • การตรวจอัลตราซาวด์
    เป็นการตรวจโดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง ตรวจได้ในทุกช่วงอายุ สามารถตรวจดูก้อน ถุงน้ำ ท่อน้ำนม และต่อมน้ำเหลือง ซึ่งจะตรวจควบคู่กับการตรวจแมมโมแกรมในผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 40 ปี แต่ไม่สามารถทดแทนการตรวจแมมโมแกรมได้เนื่องจากไม่สามารถดูหินปูนได้
  • การตรวจ MRI
    ใช้ในการตรวจผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เต้านมหนาแน่นมาก หรือตรวจพบความผิดปกติจากการตรวจแมมโมแกรมและการตรวจอัลตราซาวด์มาก่อนแล้ว

  • การเจาะชิ้นเนื้อ
    เมื่อมีการตรวจพบความผิดปกติของเต้านม แพทย์จะมีการพิจารณาส่งตรวจทางพยาธิวิทยา โดยการใช้เข็มเจาะชิ้นเนื้อผ่านเครื่องมือระบุตำแหน่ง ได้แก่ เครื่องอัลตราซาวด์ หรือแมมโมแกรม เพื่อการเจาะที่ถูกต้องและแม่นยำ


การตรวจมะเร็งเต้านมในแต่ละช่วงอายุ

  • ผู้ที่อายุเกิน 20 ปี ควรคลำเต้านมตัวเองเดือนละครั้ง หลังหมดประจำเดือน 1 สัปดาห์ เพื่อดูว่าพบก้อนเนื้อหรือไม่ และตรวจโดยแพทย์ทุกๆ 3 ปี
  • ผู้ที่อายุน้อยกว่า 35 ปี สามารถตรวจได้เฉพาะอัลตร้าซาวด์เพียงอย่างเดียวอย่างน้อย 1 ครั้ง
  • ผู้ที่อายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจแมมโมแกรม และอัลตราซาวด์ อย่างน้อย 1 ครั้ง
  • ผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี ควรตรวจแมมโมแกรม และอัลตราซาวด์ ปีละครั้ง


ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม

การสวมชุดชั้นในขณะนอนหลับเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่า

ข้อเท็จจริง: ในอดีตเคยจะมีหนังสือตีพิมพ์ว่า การสวมชุดชั้นในขณะนอนหลับจะเกิดการบีบรัดระบบน้ำเหลือง ทำให้ระบบน้ำเหลืองไหลเวียนไม่สะดวกและมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านม แต่ในปัจจุบัน ก็ยังไม่มีหลักฐานที่สามารถพิสูจน์เรื่องนี้ได้ ดังนั้น การสวมชุดชั้นในขณะหลับจึงไม่ได้เป็นการเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งเต้านมแต่อย่างใด


หากไม่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านมก็จะไม่เป็นมะเร็งเต้านม

ข้อเท็จจริง: เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะมะเร็งเต้านมมีความสัมพันธ์กับพันธุกรรมประมาณ 10% และในปัจจุบันมะเร็งเต้านมมักเกิดขึ้นเองมากกว่าเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม


ผู้หญิงที่มีเต้านมเล็กมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมน้อยกว่าผู้หญิงที่มีเต้านมใหญ่

ข้อเท็จจริง: ปัจจัยเรื่องของขนาดไม่ได้มีผลต่อการเกิดมะเร็งเต้านม หมายความว่า ผู้หญิงที่มีเต้านมเล็กหรือใหญ่ มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมได้เท่าๆ กัน


การทำแมมโมแกรมบ่อย ๆ เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม

ข้อเท็จจริง: เรื่องนี้ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันแน่ชัด โดยรังสีที่ใช้ในการตรวจแมมโมแกรมมีปริมาณน้อยถึงน้อยมาก รวมทั้งการตรวจแมมโมแกรมเพียงปีละ 1 ครั้ง ไม่ได้มีอันตรายหรือเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งเต้านมแต่อย่างใด

ที่มาของข้อมูล :  wattanosothcancerhospital.com 


มะเร็งเต้านมยิ่งตรวจเร็ว ยิ่งลดความเสี่ยงได้เร็ว

หากมีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านมสักเล็กน้อย เราก็ยังพอมีโอกาสในการป้องกันและตรวจพบเนื้อร้ายก่อนที่สายจะเกินไป นอกจากนั้นควรมีการเตรียมตัวในเรื่องค่าใช้จ่ายเพราะค่ารักษาพยาบาลโรคมะเร็งในปัจจุบันถือว่าค่อนข้างสูงเลยทีเดียว อาจจะสร้างภาระให้กับใครหลายๆ คน 

ดังนั้นตัวช่วยอย่าง “ประกันมะเร็ง Cancer Can Go จาก คิง ไว ประกันชีวิต” จึงถือเป็นทางออกที่ตอบโจทย์ที่สุด ประกันมะเร็งที่คุ้มครองทุกระยะของโรคมะเร็ง คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทันทีเมื่อตรวจเจอมะเร็งระยะไม่ลุกลาม และหากตรวจเจอมะเร็งในระยะลุกลามก็รับเงินก้อนเพิ่ม พร้อมวงเงินประกันสูงสุด 2 ล้านบาท แต่จ่ายเบี้ยเพียงหลักร้อยเท่านั้น แถมเบี้ยที่จ่ายไปก็ไม่สูญเปล่า เพราะ ไม่ว่าจะเจ็บป่วยหรือไม่ Cancer Can Go ก็มอบเงินคืนหลักแสนเมื่อครบกำหนดสัญญา เจ็บป่วยคนเดียวไม่ล้มทั้งบ้านแน่นอน 

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ประกันมะเร็ง Cancer Can Go ได้ที่ : https://www.kwilife.com/cancer

**โปรดศึกษาเงื่อนไขและข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจซื้อกรมธรรม์

KWI Life ใช้คุกกี้เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดี หากคุณยังคงใช้งานบนเว็บไซต์ เราถือว่าคุณยอมรับ ข้อกำหนดและเงื่อนไข ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่